วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"เสน่ห์กางเกงยีนส์" แฟชั่น 200 ปี


นางแบบสาวบรูก ชิลส์ เผยว่า ไม่มีสิ่งใดจะมาขวางกั้นระหว่างฉันกับยีนส์ของฉันได้ ทำให้กางเกงยีนส์กลายเป็นแฟชั่นระดับไฮสตรีท หรือบทบาทเด็กหนุ่มจอมขบถของ เจมส์ ดีน พระเอกตัวแทนวัยรุ่นอเมริกันยุค 50 ที่มักปรากฎตัวพร้อมยีนส์สีเข้ม จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกัน
กางเกงยีนส์ที่เสริมให้ผู้สวมใส่ดูโก้เท่ มีความเป็นตัวเองสูง ทำให้ได้รับความนิยมจนแพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา หากยุคแรกของกางเกงยีนส์เป็นเครื่องแต่งกายผู้ใช้แรงงานในเหมืองแร่ ประเทศสหรัฐฯ ที่นิยมสวมใส่กางเกงและเสื้อเอี๊ยม ที่มีความหนาพิเศษเพื่อความเหมาะสมในการทำงานและป้องกันฝุ่น แต่เดิมยีนส์มีสีน้ำตาลปนแดง ทำจากผ้าใบเต๊นท์ ก่อนเปลี่ยนมาทอด้วยฝ้ายย้อมสีน้ำเงินคราม และใช้วิธีการทอลายสองและตอกหมุดโลหะเพิ่มความคงทน
กระแสตื่นทองราวศตวรรษที่ 18 ทำให้นักแสวงโชคจำนวนมากเดินทางมาสหรัฐฯ และต้องเผชิญความยากลำบากในแผ่นดินใหม่ ทั้งการเดินทางไกลบนหลังม้า ภูมิประเทศและสภาพอากาศ การออกแบบกางเกงยีนส์จึงเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก นอกจากความหนาราว 14 ออนซ์ขึ้นไปเพื่อความคงทน ใส่ได้นาน ยีนส์รุ่นบุกเบิก มีรูปทรงหลวมที่เอว พอดีตรงสะโพก และปลายขากว้าง เพื่อให้เหมาะกับการขี่ม้า ขณะที่ป้ายหนังด้านหลังถูกออกแบบเพื่อใช้เสียบมีดพกพาและไว้ลับคมมีด รวมถึงมีกระเป๋าที่ห้าซ่อนไว้เพื่อเก็บเศษเหรียญ ปัจจุบันกางเกงยีนส์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางแฟชั่น และถูกออกแบบให้มีรูปทรงหลากหลาย หากเสน่ห์ของกางเกงยีนส์ที่อยู่มานานเกือบ 200 ปี ถูกใจคนรักยีนส์มากมาย
นอกจากนี้คนรักยีนส์หลายคนได้เก็บสะสมกางเกงรุ่นเก่าหายากและไม่มีผลิตแล้วในปัจจุบัน ทำให้กางเกงยีนส์มีมูลค่าและคุณค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา สะท้อนอิทธิพลของเครื่องแต่งกายชนิดนี้ที่อยู่ในใจผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น

10 อันดับกางเกงยีนส์ยอดนิยมของคุณสาว ๆ

  ผ่านกาลเวลามากี่ยุคกี่สมัยอย่างไร กางเกงยีนส์ ยังครองความเป็นหนึ่งในบรรดาแฟชั่นทั้งหมด ด้วยความคลาสสิกและลงตัวกับทุกเพศทุกวัยไม่จำกัด ตั้งแต่สาวเล็กไปจนถึงสาวใหญ่หัวใจวัยรุ่นก็ล้วนปลื้มยีนส์กับแทบทั้งสิ้น วันนี้กระปุกดอทคอมเลยถือโอกาสจัด 10 อันดับกางเกงยีนส์ที่สาว ๆ นิยม (บางคนเข้าขั้นหลงรัก) มาให้ได้ชมกัน จะมีแบรนด์โปรดของใครบ้างหรือเปล่าไปนั้น เตรียมไปอัพเดทพร้อม ๆ กันเลยจ้า

      Levi’s

          แบรนด์ออริจินอลรายแรกของโลกที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักดี เพราะลีวายส์คือสุดยอดกางเกงยีนส์ที่อึดถึกทนจนน่าตกใจ จะหยิบมาตะบี้ตะบันหรือหลงลืมไปสัก 3 ปีก็สามารถหยิบใส่แล้วดูดีเสมอไม่เปลี่ยนแปลง นี่จึงทำให้สาวกยีนส์เลิฟกับคุณภาพของยีนส์ลีวายส์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
Lee

          ตามมาติด ๆ กับกางเกงยีนส์จากแดนมะกันที่ขยันผลิตคอลเลคชั่นโดน ๆ ให้แฟน ๆ ได้ติดตาม ด้วยแพทเทิร์นการตัดเย็บและเทคโนโลยีที่พัฒนายีนส์ให้ล้ำยิ่งกว่า จึงทำให้เราพบเห็น Lee ในกลุ่มผู้หญิงทุกวัย
Mc

          อีกหนึ่งยีนส์ชื่อดังที่ขายดิบขายดี เพราะออกรุ่น Mc Lady มาเอาใจสุภาพสตรีที่รักยีนส์และแฟชั่นโดยเฉพาะ ยีนส์จากแม็คมีดีไซน์เก๋และถูกออกแบบการเย็บแบบพิเศษบวกกับสีสันมันส์ เรียบ เท่ เปรี้ยว สนุก ๆ หลากสไตล์ ใครชอบแบบไหนก็มีให้เลือกอย่างจุใจ
Lee Cooper

          นับเป็นยีนส์ที่ตามแฟชั่นได้สนุกสุดเหวี่ยงได้สุด ๆ เพราะได้บรรจางออกแบบยีนส์หลายสไตล์ให้เลือกซื้อ เน้นคอลเลคชั่นแจ่ม ๆ น่าซื้อออกมาทุกฤดูกาล
Wrangler

          ยีนส์เก๋าระดับตำนาน ที่ไม่ได้ฮอตฮิตแต่ในกลุ่มคาวบอยและหนุ่มเท่ ๆ เท่านั้น ยีนส์แรงเลอร์ยังระบาดมาในหมู่สาว ๆ ที่อยากเพิ่มความโดดเด่นของรูปร่าง สามารถสวมใส่ได้สบาย ๆ  
CPS

          นอกจาก CHAPS จะออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้า-แอคเซสซอรี่สวยปนชิคแล้ว ยังขอส่งแฟชั่นยีนส์มาตีตลาดเบา ๆ ด้วยยีนส์สกรีนลายเก๋ไปจนถึงสกินนี่สีหวาน สาวมั่นและขาช้อปคนไหนเดินผ่าน เป็นอันโดนมนต์สะกดจากร้าน CHAPS ให้เลี้ยวเข้าไปเสียสตางค์ทุกราย
CC:OO

          เน้นความเป็นเสื้อผ้าลำลองสไตล์เมริกัน จึงทำให้เราพบเห็นยีนส์เป็นไอเทมประจำร้านอยู่บ่อย ๆ ด้วยความเรียบง่ายของแบรนด์จึงทำให้หยิบมาใส่กับเสื้อผ้าได้ง่าย จะหวานหรือจะเปรี้ยวก็ยีนส์จาก CC:OO ตัวเดียวนี่แหละ สวยครบทุกแนว
The DuDe

          แบรนด์ไทยราคาย่อมเยาว์ที่ครองใจสาววัยใสมานานหลายปี ด้วยสารพัดยีนส์สวย ๆ ตามสมัยนิยมที่จัดมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ  
ปั๊มน้ำมันแก๊สโซลีน

          นอกจากชื่อร้านจะเจ๋งไม่เหมือนใครแล้ว กางเกงยีนส์ปั๊มน้ำมันแก๊สโซลีนยังมีเอกลักษณ์ที่ป้ายยี่ห้อและลวดลายการการฟอกสีเน้นความสวย แปลก มันส์ให้ได้เลือกใส่แล้ว ยังเอาใจและโดนใจคอยีนส์สุด ๆ ด้วยการสั่งตัดให้เหมาะกับแต่ละคนอีกด้วย มิน่าล่ะ..ถึงแอบเห็นสาว ๆ หลายคนพุ่งปรี่เข้าร้านนี้กันเป็นประจำ
 Candy
          ยีนส์ที่น่ารัก น่าเลิฟสุด ๆ คงต้องยกแคนดี้ เพราะเป็นยีนส์วัยรุ่นที่มีมานานนมเหมาะกับสาวช่างเลือก ยีนส์ซีด ยีนส์สีหรือยีนส์เท่ ๆ ก็มีให้ได้ซื้อทุกแบบ แถมไม่ต้องห่วงเรื่องราคาอี

JEANS AND DENIM ยีนส์ กับ เดนิม ต่างกันยังไง


ผมลองไปหาดูในเว็บถึงกับมึนครับ พูดไม่เหมือนกันซักที่ คงเพราะช่วงเริ่มต้นประวัติเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลและแบรนด์ ยังไม่ชัดเจน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของ ลีวาย สเตราส์ บางเว็บถึงกับบอกว่า ลีวาย สเตราส์  เป็นผู้ลิตยีนส์รายแรกของโลกกันเลยทีเดียว ความจริงมันคือแบรนด์แรกที่จดทะเบียนตราสินค้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ลีวาย คือผู้บุกเบิกเส้นทางของยีนส์ตัวจริง โดยเฉพาะเรื่องของบลูยีนส์ รวมทั้งการให้กำเนิดกระดุมและหมุดย้ำทองแดง

ก่อนจะตอบว่า ยีนส์ กับ เดนิม ต่างกันยังไง จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับเรื่องต่อไปนี้ และเพื่อไม่ให้มึนจะเล่าย่อๆ ครับ


เรื่องราวของกางเกงยีนส์เริ่มขึ้นที่เมือง เจนัว (Genoa) ใน อิตาลี ที่มีชื่อเสียงในการผลิตผ้าริ้วผ้าฝ้าย เป็นผ้าที่มีความทนทาน คนอังกฤษเรียกผ้านี้ว่า Fustian ซึ่งแปลว่าผ้าสีเนื้อหยาบ  ผ้าฝ้ายเนื้อหนาผิวหยาบเป็นที่ต้องการของผู้ใช้แรงงานจำนวนมากในยุโรป เนื่องจากมันให้ความทนทาน มันถูกส่งออกทางเรือจากเจนัวไปทั่วยุโรป คนฝรั่งเศส จะเรียกเมืองเจนัวว่า แชน และเรียกสินค้าจากเมืองเจนัวว่า ชีน (Jene) ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็น Jean ผมออกเสียงไม่ถูก ประมาณว่า “ชอง” แต่คนอังกฤษจะอ่านคำ Jean ว่า จีน หรือยีน ซึ่งผ้าที่ว่านี้จึงถูกเรียกว่าผ้าจากเมืองยีน หรือ “ผ้ายีน” นั่นเอง ก่อนที่มันจะถูกเติม s ในภายหลัง


รู้จักคำว่า “ยีนส์” กันแล้ว ต่อไปก็มารู้จักกับคำว่า “เดนิม” ครับในเมื่อตลาดมีความต้องการมาก ทางฝรั่งเศษโดยครอบครัวของ André ชาวเมือง Nîmes จึงได้ทำการผลิตเรียนแบบผ้าจากเจนัวเพื่อส่งออกจำหน่ายบ้าง แต่เกิดการผิดพลาดทางเทคนิค หรือจะเรียกว่าบังเอิญก็แล้วแต่ มันทำให้ผ้าที่ได้มีลักษณะการทอแตกต่างออกไป คือ กลายเป็นผ้าทอลาย 2 แทยงซ้าย ผิวหยาบและรอยยับไม่ค่อยคืนตัว รวมถึงการย้อมคราม สีจะไม่กินถึงใจฝ้าย ผลที่ได้คือการเฟดของสีที่ผิวผ้าเมื่อใส่และซักไปนานๆ จะซีดจางจนเป็นสีขาวของฝ้ายด้านใน พร้อมปรากฏริ้วรอยของสีตามรอยยับเป็นศิลปะที่สร้างโดยตัวผู้ใส่ร่วมด้วย และทางยีนส์ลีวายเองก็เปลี่ยนมาใช้ผ้าชนิดนี้แทนการใช้ผ้าแคนวาส และเพื่อที่จะสื่อถึงผ้าที่มีลักษณะเฉพาะแบบนี้เท่านั้น จึงเรียกมันว่า Serge de Nîmes หมายถึง ผ้าเสิร์จ จากเมืองนิมส์ นั่นเอง ภายหลังเรียกแค่ Denim

หลังจากตลาดผ้ายีนส์พัฒนาไปหลากหลายในปัจจบัน คำว่า เดนิม เกลือบจะเลือนๆ ไป แต่เหตุเพราะกระแสแฟชั่นวินเทจย้อนยุค มีคนตั้งใจนำคุณลักษณะเด่นของผ้าเดนิมกลับมาใช้ จึงมีการนำเอาคำนี้กลับมาใช้เพื่อเจาะจงว่าใช้ผ้าลักษณะนี้โดยเฉพาะ เพียงแต่มันจะถูกอนุโลมในแง่ของสีที่อาจจะมีสีอื่นเช่น ดำ เทา น้ำตาล เป็นต้น นี่ละ เดนิม

เจาะลึกทุกเรื่องของยีนส์

สำหรับคนทั่วๆไป กางเกงยีนส์อะไรก็คงจะเหมือนกัน แต่ถ้าในหมู่คนที่ รักชอบกางเกงยีนส์แล้ว ทุกๆรายละเอียดสร้างแตกต่างเสมอ บทความนี้จะเกริ่นนำ ให้สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่เริ่มจะสนใจเรื่องยีนส์ ให้ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาและความหมายคร่าวๆกัน
การจะเข้าใจถึงเรื่องยีนส์ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นการเข้าใจที่มาของคำที่ใช้เรียกส่วนต่างๆของมัน เราจึงจะเริ่มจากคำเบสิคเหล่านี้กันก่อน
Denim คือชื่อที่เราใช้เรียกผ้าทีมีลักษณะการทอเฉพาะตัว(คล้ายกับผืนผ้าใบ) ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการตัดเป็นกางเกงยีนส์แบบต่างๆ พูดง่ายๆก็คือมันใช้เรียกผ้าก่อนที่จะนำไปทำเป็นกางเกงยีนส์นั่นเอง คำว่า Denim นั้นมาจากภาษาฝรั่งเศษ คำว่า Nimes ซึ่งเป็นชื่อเมืองทางตอนใต้ ที่ริเริ่มกระบวนการทอผ้าแบบนี้
Raw Denim หรือ Dry Denim คือผ้า denim ที่ย้อมสีและทอเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เคยถูกล้าง หรือไม่เคยโดนน้ำเลย(ถึงเรียกว่า Dry Denim) ซึ่งเป็นผ้าแบบที่คนเล่นยีนส์นิยมกัน เพราะเมื่อใส่ไประยะนึงแล้ว กางเกงจะมีริ้วลอยการใส่เกิดขึ้นหรือที่เรียกกันว่า Fade นั่นเอง ซึ่งไอ่การ fade นี้จะมีอะไรที่เฉพาะตัว และอาจจะแตกต่างกันได้มากมาย แม้จะเป็นกางเกงยีนส์ รุ่นเดียวกัน แบบเดียวกันเลยก็ตาม สำหรับบางคน Fade อาจจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกางเกงยีนส์เลยก็ได้ ซึ่งเราจะมาขยายความกันอีกทีในบทความต่อๆไป
Indigo คือสีที่ผ้า denim นิยมนำมาใช้ย้อมผ้า ในภาษาไทยก็คือ สีคราม หรือชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งให้สีน้ำเงิน ซึ่งคนสมัยก่อน นิยมนำมาย้อมเครื่องนุ่งห่มที่อยากได้สีน้ำเงินเข้มๆกัน ถ้านึกถึงยีนส์ก็จะนึกถึงสีน้ำเงินครามนี้นี่เอง ส่วนที่บ้านเราก็มีเหมือนกัน นั่นก็คือ เสื้อหม้อห้อมของชาวเหนือนั่นเอง
Jean ก็คือกางเกงที่ทำขึ้นจากผ้า Denim อย่างที่เราๆรู้ๆกัน คำว่า Jean ก็มาจากภาษาฝรั่งเศษอีกแล้ว โดยเพี๊ยนมาจากคำว่า Genes แต่เป็นชื่อเมืองของประเทศ Italy (เมือง Genoa) ซึ่งเดาได้ว่า เป็นเมืองแห่งแรกที่นำผ้า Denim มาทำเป็นกางเกง กางเกงยีนส์จึงไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่กางเกงยีนส์นั้นโด่งดังและเป็นที่นิยมกันจากอเมริกา โดยพ่อค้าที่มาจากยุโรปชื่อ Levis Strauss ผู้ก่อตั้งกางเกงยีนส์ลีวายนั่นเอง
Selvedge หรือ Selvage เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษาอังกฤษคำว่า Self-edge หรือ ส่วนปลายสุดของผ้านั่นเอง อันนี้ที่คนไทยเรียกว่า ยีนส์ริม เช่น ลีวายริมแดง เนื่องจากสมัยก่อน เครื่องทอผ้ามีขนาดหน้าผ้าแคบ เวลาตัดเป็นกางเกงยีนส์ออกมาจึงมีขอบติดมาด้วย ถ้าสังเกตกางเกงยีนส์สมัยใหม่จะไม่มีแล้ว เพราะหน้าผ้าจะกว้างขึ้นเยอะ ทำให้การจะทำกางเกงยีนส์ริมสมัยนี้ ยากขึ้น ราคาจึงสูงขึ้นตามไปด้วย และกางเกงยีนส์แบบนี้เอง ที่เหล่านักเล่นยีนส์ชอบกันนักแล

วิธีดูผ้ายีนส์ที่ได้มาทออย่างไร



การทอนั้นมีรูปแบบการทอหลักๆ 3 แบบ ตามลักษณะการทอแบ่งเป็น Right Hand Twill , Left Hand Twill , Broken Twill
วิธีการดูง่ายๆ 
เมื่อใส่กางเกงแล้ว ให้ก้มลงมอง แล้วเอามือขวาทาบตามแนวเฉียงของผ้ายีนส์ สักเกตุที่ปลายนิ้ว ถ้าชี้ไปทางด้านไหนก็จะเรียกตามแนวเฉียงของผ้า ตามมือข้างนั้น เช่น เฉียงขนานกับมือขวา เรียก Right Hand Twill , เฉียงขนานกับมือซ้าย Left Hand Twill หรือ ผ้าทอลายสับ เรียก Broken Twill