ก่อนจะตอบว่า ยีนส์ กับ เดนิม ต่างกันยังไง จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับเรื่องต่อไปนี้ และเพื่อไม่ให้มึนจะเล่าย่อๆ ครับ
เรื่องราวของกางเกงยีนส์เริ่มขึ้นที่เมือง เจนัว (Genoa) ใน อิตาลี ที่มีชื่อเสียงในการผลิตผ้าริ้วผ้าฝ้าย เป็นผ้าที่มีความทนทาน คนอังกฤษเรียกผ้านี้ว่า Fustian ซึ่งแปลว่าผ้าสีเนื้อหยาบ ผ้าฝ้ายเนื้อหนาผิวหยาบเป็นที่ต้องการของผู้ใช้แรงงานจำนวนมากในยุโรป เนื่องจากมันให้ความทนทาน มันถูกส่งออกทางเรือจากเจนัวไปทั่วยุโรป คนฝรั่งเศส จะเรียกเมืองเจนัวว่า แชน และเรียกสินค้าจากเมืองเจนัวว่า ชีน (Jene) ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็น Jean ผมออกเสียงไม่ถูก ประมาณว่า “ชอง” แต่คนอังกฤษจะอ่านคำ Jean ว่า จีน หรือยีน ซึ่งผ้าที่ว่านี้จึงถูกเรียกว่าผ้าจากเมืองยีน หรือ “ผ้ายีน” นั่นเอง ก่อนที่มันจะถูกเติม s ในภายหลัง
รู้จักคำว่า “ยีนส์” กันแล้ว ต่อไปก็มารู้จักกับคำว่า “เดนิม” ครับในเมื่อตลาดมีความต้องการมาก ทางฝรั่งเศษโดยครอบครัวของ André ชาวเมือง Nîmes จึงได้ทำการผลิตเรียนแบบผ้าจากเจนัวเพื่อส่งออกจำหน่ายบ้าง แต่เกิดการผิดพลาดทางเทคนิค หรือจะเรียกว่าบังเอิญก็แล้วแต่ มันทำให้ผ้าที่ได้มีลักษณะการทอแตกต่างออกไป คือ กลายเป็นผ้าทอลาย 2 แทยงซ้าย ผิวหยาบและรอยยับไม่ค่อยคืนตัว รวมถึงการย้อมคราม สีจะไม่กินถึงใจฝ้าย ผลที่ได้คือการเฟดของสีที่ผิวผ้าเมื่อใส่และซักไปนานๆ จะซีดจางจนเป็นสีขาวของฝ้ายด้านใน พร้อมปรากฏริ้วรอยของสีตามรอยยับเป็นศิลปะที่สร้างโดยตัวผู้ใส่ร่วมด้วย และทางยีนส์ลีวายเองก็เปลี่ยนมาใช้ผ้าชนิดนี้แทนการใช้ผ้าแคนวาส และเพื่อที่จะสื่อถึงผ้าที่มีลักษณะเฉพาะแบบนี้เท่านั้น จึงเรียกมันว่า Serge de Nîmes หมายถึง ผ้าเสิร์จ จากเมืองนิมส์ นั่นเอง ภายหลังเรียกแค่ Denim
หลังจากตลาดผ้ายีนส์พัฒนาไปหลากหลายในปัจจบัน คำว่า เดนิม เกลือบจะเลือนๆ ไป แต่เหตุเพราะกระแสแฟชั่นวินเทจย้อนยุค มีคนตั้งใจนำคุณลักษณะเด่นของผ้าเดนิมกลับมาใช้ จึงมีการนำเอาคำนี้กลับมาใช้เพื่อเจาะจงว่าใช้ผ้าลักษณะนี้โดยเฉพาะ เพียงแต่มันจะถูกอนุโลมในแง่ของสีที่อาจจะมีสีอื่นเช่น ดำ เทา น้ำตาล เป็นต้น นี่ละ เดนิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น